5 สัญญาณเตือนจากระบบเบรค ที่คนมีรถต้องสังเกต


คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางครั้งรถของคุณถึงเบรคไม่อยู่? หรือทำไมถึงมีเสียงแปลกๆ เวลาเหยียบเบรค? นั่นอาจเป็นเพราะระบบเบรครถยนต์ของคุณกำลังส่งสัญญาณเตือนอยู่ ระบบเบรคเป็นหนึ่งในระบบที่สำคัญที่สุดของรถยนต์ เพราะมันเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยของคุณและผู้ร่วมทาง วันนี้ EZY FIT ศูนย์บริการดูแลรถยนต์ถึงบ้าน จะพาไปเรียนรู้เกี่ยวกับสัญญาณเตือนจากระบบเบรคที่คุณควรใส่ใจ

 

 ส่วนประกอบของระบบเบรครถยนต์

 

 

ก่อนที่เราจะไปดูสัญญาณเตือนต่างๆ มาทำความรู้จักกับส่วนประกอบของระบบเบรครถยนต์กันก่อน เพื่อให้เข้าใจการทำงานของระบบนี้มากขึ้น ระบบเบรครถยนต์ประกอบด้วยชิ้นส่วนหลักๆ ดังนี้

  • แป้นเบรค : เป็นจุดเริ่มต้นของการเบรค เมื่อคุณเหยียบแป้นเบรค แรงกดจะถูกส่งไปยังระบบไฮดรอลิก
  • แม่ปั๊มเบรค : ทำหน้าที่แปลงแรงกดจากแป้นเบรคเป็นแรงดันไฮดรอลิก
  • ท่อน้ำมันเบรค:  เป็นเส้นทางลำเลียงแรงดันน้ำมันเบรคไปยังล้อแต่ละล้อ
  • คาลิปเปอร์เบรค : ชิ้นส่วนที่ยึดผ้าเบรคและกดผ้าเบรคเข้ากับจานเบรค
  • ผ้าเบรค : วัสดุที่ใช้ในการสร้างแรงเสียดทานเพื่อหยุดรถ
  • จานเบรค : แผ่นโลหะที่หมุนไปพร้อมกับล้อ เป็นพื้นผิวให้ผ้าเบรคเสียดสี
  • น้ำมันเบรค : ของเหลวที่ใช้ในการส่งแรงดันจากแม่ปั๊มเบรคไปยังคาลิปเปอร์เบรค

แต่ละชิ้นส่วนมีความสำคัญในการทำงานของระบบเบรค หากส่วนใดส่วนหนึ่งมีปัญหา อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการเบรคของรถยนต์ได้

 5 สัญญาณเตือนที่ต้องระวังในระบบเบรครถยนต์

 

 

เมื่อระบบเบรคมีปัญหา มันจะส่งสัญญาณเตือนให้คุณทราบ การรู้จักสังเกตสัญญาณเหล่านี้จะช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ก่อนที่จะเกิดอันตราย มาดูกันว่ามีสัญญาณอะไรบ้างที่คุณควรระวัง

 1. เหยียบเบรคแล้วเกิดเสียงดัง

เสียงดังจากระบบเบรคเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนที่สุด หากคุณได้ยินเสียงแหลมๆ คล้ายเสียงโลหะเสียดสีกันเวลาเหยียบเบรค นั่นอาจหมายถึงผ้าเบรคของคุณกำลังจะหมด เสียงนี้เกิดจากตัวบอกสถานะผ้าเบรคที่ทำจากโลหะสัมผัสกับจานเบรค เป็นการเตือนให้คุณรู้ว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนผ้าเบรคแล้ว

นอกจากนี้ เสียงครืดๆ หรือเสียงเอี๊ยดๆ ก็อาจเกิดจากฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่เข้าไปติดในระบบเบรค หากคุณได้ยินเสียงแบบนี้ ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบและทำความสะอาดระบบเบรคโดยเร็ว

 

 2. ต้องเหยียบเบรคลึกกว่าปกติ

หากคุณสังเกตว่าต้องเหยียบแป้นเบรคลึกกว่าปกติเพื่อให้รถหยุด หรือรู้สึกว่าแป้นเบรค "นุ่ม" หรือ "ยุบ" ลงมากเกินไป นี่อาจเป็นสัญญาณของปัญหาในระบบไฮดรอลิกของเบรค สาเหตุอาจมาจากการรั่วของน้ำมันเบรค หรืออากาศเข้าไปในระบบ

ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด คุณอาจพบว่าแป้นเบรคแทบจะแตะพื้นรถเลยทีเดียว นี่เป็นสถานการณ์ที่อันตรายมาก เพราะหมายความว่าระบบเบรคของคุณอาจล้มเหลวได้ทุกเมื่อ หากเกิดอาการแบบนี้ ให้หยุดใช้รถทันทีและเรียกรถลากไปยังศูนย์บริการ

 

 3. มีกลิ่นไหม้เมื่อเหยียบเบรค

กลิ่นไหม้หรือกลิ่นเหมือนยางไหม้เวลาเหยียบเบรคเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าระบบเบรคของคุณกำลังร้อนเกินไป สาเหตุอาจมาจากการเบรคบ่อยเกินไป เช่น ขณะขับรถลงเขาหรือติดอยู่ในการจราจรที่หนาแน่น หรืออาจเกิดจากการที่เบรคติดค้าง ทำให้ผ้าเบรคสัมผัสกับจานเบรคตลอดเวลา

กลิ่นไหม้นี้เกิดจากความร้อนสูงที่ทำให้วัสดุของผ้าเบรคเริ่มละลาย นอกจากจะทำให้ประสิทธิภาพการเบรคลดลงแล้ว ยังอาจทำให้ชิ้นส่วนอื่นๆ ในระบบเบรคเสียหายได้ หากคุณได้กลิ่นแบบนี้ ให้หยุดรถทันทีที่ปลอดภัยและปล่อยให้ระบบเบรคเย็นลง จากนั้นนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการโดยเร็วที่สุด

 

 4. เหยียบเบรคแล้วรถสั่น

การสั่นสะเทือนที่พวงมาลัยหรือแป้นเบรคเวลาเหยียบเบรคเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าจานเบรคของคุณอาจมีปัญหา สาเหตุมักเกิดจากจานเบรคที่บิดเบี้ยวหรือสึกหรอไม่เท่ากัน ทำให้ผิวสัมผัสระหว่างผ้าเบรคและจานเบรคไม่เรียบสม่ำเสมอ

การสั่นสะเทือนนี้นอกจากจะทำให้การขับขี่ไม่สบายแล้ว ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพการเบรคด้วย เพราะพื้นที่สัมผัสระหว่างผ้าเบรคและจานเบรคลดลง ทำให้ระยะเบรคอาจยาวขึ้น ในบางกรณี จานเบรคอาจแก้ไขได้ด้วยการกลึงให้เรียบ แต่หากสึกหรอมากเกินไปอาจต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชุด

 

 5. ไฟเบรคขึ้นที่แผงหน้าปัด

ไฟเตือนระบบเบรคบนแผงหน้าปัดเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนที่สุดว่ามีปัญหาเกิดขึ้นกับระบบเบรค ไฟนี้อาจขึ้นด้วยหลายสาเหตุ เช่น ระดับน้ำมันเบรคต่ำ เบรคมือค้าง หรือระบบ ABS มีปัญหา

เมื่อไฟเตือนนี้สว่างขึ้น อย่าละเลยเด็ดขาด ให้ตรวจสอบเบื้องต้นว่าเบรคมือปลดลงสุดแล้วหรือไม่ หากปลดแล้วแต่ไฟยังสว่างอยู่ ให้นำรถเข้าศูนย์บริการโดยเร็วที่สุด เพราะอาจเป็นปัญหาที่ร้ายแรงกว่าที่คิด เช่น ระบบเบรครั่วซึม ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียความสามารถในการเบรคได้

 

 ควรทำอย่างไรเมื่อระบบเบรคมีปัญหา

 

 

เมื่อตรวจพบสัญญาณเตือนใดๆ จากระบบเบรค สิ่งสำคัญคือต้องไม่ละเลยและรีบดำเนินการแก้ไข นี่คือสิ่งที่คุณควรทำเมื่อพบว่าระบบเบรคมีปัญหา 

  • หยุดใช้รถทันที : หากคุณสงสัยว่าระบบเบรคมีปัญหาร้ายแรง เช่น เบรคไม่อยู่ หรือต้องเหยียบแป้นเบรคลึกมากผิดปกติ ให้หยุดใช้รถทันที การฝืนใช้รถต่อไปอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้
  • ปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ : ปัญหาเกี่ยวกับระบบเบรคควรได้รับการตรวจสอบและแก้ไขโดยผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด
  • ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรค : หากคุณพอมีความรู้เรื่องรถ ลองตรวจสอบระดับน้ำมันเบรคในกระปุกพักน้ำมันเบรค ถ้าระดับต่ำกว่าขีด "MIN" ให้เติมน้ำมันเบรคให้อยู่ระหว่างขีด "MIN" และ "MAX" แต่อย่าลืมว่านี่เป็นเพียงการแก้ปัญหาชั่วคราว คุณยังต้องนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการอยู่ดี
  • อย่าพยายามซ่อมเอง : ระบบเบรคเป็นระบบที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยโดยตรง หากคุณไม่มีความรู้เฉพาะทาง อย่าพยายามซ่อมหรือปรับแต่งระบบเบรคด้วยตัวเอง
  • ใช้บริการรถลาก : หากปัญหาเกิดขึ้นขณะที่คุณกำลังขับรถอยู่ และคุณรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยที่จะขับต่อไป ให้ใช้บริการรถลากเพื่อนำรถของคุณไปยังศูนย์บริการ
  • ตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ : เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต ควรนำรถเข้าตรวจเช็คระบบเบรคตามระยะเวลาที่กำหนดในคู่มือการใช้รถ หรืออย่างน้อยปีละครั้ง
  •  

 

 สรุปบทความ

ระบบเบรครถยนต์เป็นหนึ่งในระบบที่สำคัญที่สุดสำหรับความปลอดภัยในการขับขี่ การรู้จักสังเกตสัญญาณเตือนต่างๆ จากระบบเบรค ไม่ว่าจะเป็นเสียงดังผิดปกติ การสั่นสะเทือน กลิ่นไหม้ หรือไฟเตือนบนหน้าปัด ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ก่อนที่จะเกิดอันตรายร้ายแรง อย่าลืมว่าการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอและการตรวจเช็คตามกำหนดเวลาเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหาเกี่ยวกับระบบเบรคเพื่อความปลอดภัยของคุณและผู้ร่วมทาง อย่าละเลยสัญญาณเตือนใดๆ จากระบบเบรครถยนต์ของคุณ

สำหรับใครที่พบว่า ระบบเบรครถยนต์ของตนเองมีปัญหา แต่ไม่มีเวลาเอารถไปซ่อมที่อู่?  ให้ EZY FIT เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เราเป็นศูนย์บริการดูแลรถยนต์ถึงบ้านแบบ ON-SITE SERVICES พร้อมเข้าไปช่วยเช็กสภาพรถ มีบริการเปลี่ยนผ้าเบรคนอกสถานที่ บริการเปลี่ยนยางรถยนต์นอกสถานที่ พร้อมตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ รวมถึงเปลี่ยนโช๊ครถยนต์ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ล้างหัวฉีด ล้างแอร์รถยนต์ ช่วยให้คุณดูแลทุกปัญหารถยนต์ครบจบในที่เดียว ดูแลโดยช่างซ่อมรถยนต์ชำนาญการ มั่นใจด้วยประสิทธิภาพการบริการและเครื่องมือที่ทันสมัยระดับสากล วางใจ EZY FIT สอบถามโทร. 090-956-5566 ได้เลย เจ้าหน้าที่ของเราพร้อมให้คำแนะนำอย่างดีที่สุด!