ล้างแอร์ไม่ถอดตู้ และ ถอดตู้ ต่างกันยังไง


ตู้แอร์ในรถยนต์ก็เหมือนกับแผงแอร์ในบ้าน มักจะเกิดการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ อยู่เสมอเมื่อใช้ไปเป็นเวลานาน ฝุ่นและสิ่งสกปรกเหล่านี้จึงเป็นตัวขัดขวางการไหลของอากาศที่ต้องผ่านแผงคอยล์เย็นทำให้อากาศเย็นน้อยลง สิ่งที่ช่วยได้คือการล้างแอร์รถ ซึ่งมีทั้งการล้างแอร์ไม่ถอดตู้ และล้างแบบถอดตู้แอร์ แล้วทั้งสองอย่างนี้มีความต่างกันอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง เป็นสิ่งที่คุณควรต้องรู้ไว้ ก่อนตัดสินใจล้างแอร์ 

ความแตกต่างระหว่างล้างแอร์ไม่ถอดตู้ และแบบถอดตู้ 

ความแตกต่างระหว่างล้างแอร์ไม่ถอดตู้และถอดตู้

การล้างแอร์รถยนต์เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญอย่างมาก เพื่อให้อากาศเย็นได้ไหลผ่านได้อย่างง่ายได้ สามารถทำอุณหภูมิเย็นได้ดีขึ้น ซึ่งการล้างตู้แอร์นั้นก็มีหลายแบบ ทำให้หลายคนสงสัยว่าการล้างแบบไหนดีกว่ากัน ระหว่างล้างแอร์แบบถอดตู้กับล้างแอร์ไม่ถอดตู้

การล้างแอร์ไม่ถอดตู้

การล้างแบบไม่ถอดตู้แอร์ จะมีการกำหนดน้ำยาที่ต้องใช้เฉพาะการล้างเท่านั้น โดยการล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้จะเหมาะกับรถที่ล้างแอร์รถยนต์ปีละ1 ครั้ง รถใหม่ หรือเหมาะกับรถที่มีการดูแลรักษาตู้แอร์รถยนต์เป็นประจำ  โดยวิธีการคือ ช่างจะนำกล้องขนาดเล็กเข้าไปส่องตรวจสอบตู้แอร์ก่อน เพื่อดูว่ามีความสกปรกมากน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้าทำความสะอาดได้ ก็จะฉีดโฟมหรือน้ำยาทำความสะอาดไปที่แผงคอยล์เย็น แล้วจึงใช้น้ำเปล่าและลมเป่าเพื่อทำความสะอาดให้สิ่งสกปรกหลุดออกไป ซึ่งการล้างแอร์แบบนี้ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป 

ข้อดีข้อเสียของการล้างแอร์ไม่ถอดตู้และแบบถอดตู้

ข้อดีของการล้างแอร์ไม่ถอดตู้

  • ไม่ยุ่งยากในการรื้อคอนโซลรถ
  • สามารถทำความสะอาดได้ง่ายกว่า
  • มีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการล้างแบบถอดตู้แอร์
  • ใช้เวลาน้อย ทำความสะอาดได้รวดเร็วกว่าการล้างแบบถอดตู้ 

ข้อเสียของการล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้

  • กรณีที่ตู้แอร์ ไม่ได้ทำความสะอาดนาน มีสิ่งสกปรกมาก การล้างแบบไม่ถอดตู้แอร์ ก็อาจจะล้างไม่สะอาดเท่ากับการถอดตู้แอร์ได้

 

การล้างแอร์แบบถอดตู้

การล้างแอร์แบบถอดตู้ จะต้องมีการรื้อตู้แอร์ แล้วนำเอาแผงคอยล์เย็นและแผงคอยล์ร้อนออกมาล้างฝุ่น หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ  และจะต้องเติมน้ำยาแอร์ใหม่เข้าไป พร้อมกับการเปลี่ยนไดเออร์กับวาล์วความดัน และถ้าไม่เปลี่ยน ท่อแอร์อาจเกิดการรั่วได้ เนื่องจากเกิดความชื้นเข้าไปอยู่ในระบบนั่นเอง

ข้อดีของการล้างแอร์แบบถอดตู้ 

  • สามารถทำความสะอาดได้ละเอียดดีกว่าการล้างแบบไม่ถอดตู้แอร์
  • เมื่อล้างแบบถอดตู้แอร์จะทำให้ตรวจสอบสภาพของตู้แอร์ได้
  • ช่วยประเมินอายุการใช้งานของแอร์รถยนต์ ได้
  • แต่จะต้องใช้เวลา เสียเงินมากกว่าล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้

ข้อเสียของการล้างแอร์แบบถอดตู้

  • มีความยุ่งยากในการรื้อคอนโซลรถและอาจเกิดความเสียหายจากการถอดคอนโซลรถได้
  • ต้องใช้เวลาทำความสะอาดนานกว่าแบบไม่ถอดตู้แอร์
  • ค่าใช้จ่ายในการล้างจะสูงกว่าแบบไม่ถอดตู้แอร์
  • ร้านอาจล้างน้ำยาออกไม่หมด และเกิดการกัดกร่อนส่วนคอยล์เย็นได้ 

 

การล้างแอร์รถยนต์ด้วยตัวเอง

การล้างแอร์รถด้วยตัวเอง เป็นวิธีที่ไม่ยากและสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยเริ่มต้นจากการใช้สเปรย์ทำความสะอาดแอร์รถยนต์ที่หาซื้อได้ทั่วไปฉีดเข้าไปในช่องแอร์ หลังจากนั้นให้ปล่อยทิ้งไว้ตามขั้นตอน ตัวน้ำยาจะเข้าไปล้างสิ่งสกปรกให้ไหลออกมาทางท่อน้ำทิ้งพร้อมกับน้ำแอร์ แต่วิธีนี้จะเหมาะกับรถใหม่หรือแอร์ที่มีความสกปรกน้อย และจะต้องล้างอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยลดการอุดตันและลดกลิ่นอับลงได้

สัญญาณที่บอกว่าควรล้างตู้แอร์รถยนต์

สัญญาณที่บอกว่าควรล้างตู้แอร์รถยนต์

 

ปกติแล้วควรมีการทำความสะอาดแอร์รถยนต์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือหากเทียบกับระยะทางการใช้รถก็ควรทำความสะอาดทุก ๆ 20,000 กิโลเมตรขึ้นไป หรืออาจสังเกตอาการเหล่านี้ว่าเกิดขึ้นขณะที่มีการใช้รถหรือไม่ เพราะถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณควรล้างแอร์ได้แล้ว 

  • ลมแอร์เบา ลมออกน้อย 
  • เกิดกลิ่นอับภายในรถ
  • เมื่อเปิดแอร์แล้วเกิดเสียงดังมาก
  • มีน้ำแอร์หยดออกมาจากช่องแอร์ 

 

ราคาการล้างแอร์ไม่ถอดตู้และแบบถอดตู้ต่างกันหรือไม่

ราคาล้างแอร์ไม่ถอดตู้และแบบถอดตู้

ราคาการล้างแอร์รถนั้นมีความต่างกันแน่นอน เพราะมีขั้นตอนต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งการล้างแอร์รถแบบถอดและไม่ถอดตู้ จะมีราคาเริ่มต้นที่แตกต่างกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับร้านหรือศูนย์บริการที่เลือกใช้ด้วย ยิ่งการจ้างให้ล้างตู้แอร์นอกสถานที่ก็จะยิ่งมีราคาสูงขึ้น แต่ส่วนใหญ่แล้วการล้างตู้แอร์จะมีราคาแตกต่างกันดังนี้ 

  • ค่าใช้จ่ายการล้างแอร์รถแบบไม่ถอดตู้ ประมาณหลักร้อยไปจนถึงหลักพัน
  • ค่าใช้จ่ายการล้างแอร์รถแบบถอดตู้ ประมาณหลักพันไปจนถึงหลักหมื่น 

ผู้ใช้รถหลายคนอาจจะมองข้ามการทำความสะอาดในส่วนนี้ไปได้ จึงควรมีการสังเกตอาการ และตรวจเช็กเป็นประจำว่าแอร์มีการทำงานที่ปกติหรือไม่ เช่น มีกลิ่นอับชื้น หรือลมแอร์ไม่เย็น เมื่อเจออาการเหล่านี้ก็ควรมีการล้างทำความสะอาดตู้แอร์ทันที ซึ่งปกติก็ควรมีการล้างตู้แอร์เป็นประจำทุก  ๆ 1 ปี อยู่แล้วเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของระบบทำความเย็น และเป็นการรักษาความสะอาด ทำให้อากาศภายในห้องโดยสารหมุนเวียนได้ดีขึ้นด้วย 

สุดท้ายแล้วการตัดสินใจจะล้างแอร์ไม่ถอดตู้ หรือถอดตู้ก็ควรดูตามความเหมาะสม อย่างรถที่ใช้งานมาเป็นเวลานานหลายปีและไม่เคยล้างตู้แอร์เลย ก็ควรล้างแบบถอดตู้แอร์ เพื่อจะได้ทำความสะอาดได้หมดจดมากขึ้น ส่วนรถใหม่ที่ไม่ได้มีอายุการใช้งานมานาน หรือมีการดูแลระบบทำความเย็นอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ก็อาจใช้การล้างแบบไม่ถอดตู้ได้ 

อีซี่ฟิตพร้อมให้บริการล้างแอร์ไม่ถอดตู้นอกสถานที่ ทั้งในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี, ปทุมธานี, ฉะเชิงเทรา, สมุทรปราการ, ชลบุรี, ระยอง และภูเก็ต  ไม่ต้องรื้อคอนโซลรถ โดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ มีการตรวจสอบสภาพตู้แอร์ด้วยกล้อง Micro Cam ได้ง่าย ๆ เราใช้น้ำยาล้างแอร์ที่ได้มาตรฐานอเมริกา ไม่ทำลายส่วนประกอบอื่น ๆ ของระบบแอร์ มั่นใจได้เลยว่าสามารถกำจัดเชื้อโรคได้อย่างแน่นอน  

สนใจใช้บริการหรือคลิก https://www.ezyfit.co.th/products/air-conditioning
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่