6 สิ่งเช็คลิสต์เรื่องรถยนต์ที่ผู้หญิงควรรู้!!


              1.อย่าลืมตรวจเช็คยางและลมยาง

              สิ่งสำคัญที่ควรจะตรวจเช็คเบื้องต้นเลยคือยางรถยนต์  แนะนำให้ตรวจเช็คสภาพของยางรถยนต์ทั้ง 4 เส้นว่ามีสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ ลายดอกยางหมดอายุหรือเสื่อมสภาพแล้วหรือยัง 

ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานประมาณ 40,000 กม. ควรเปลี่ยนยางเมื่่อเดินทางถึง 50,000 กม. หรือมีอายุการใช้งานประมาณ 3.5 ปี  

              นอกจากตรวจดูสภาพยางรถยนต์จากภายนอกแล้วสิ่งที่สำคัญคือลมยาง หมั่นตรวจเช็คลมยางสม่ำเสมอ ควรเติมลมยางให้เหมาะสมเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน หากไม่แน่ใจว่าจะต้อง

เติมลมยางเท่าไหร่  วันนี้อีซี่ ฟิตมีคำตอบมาฝาก….ไปดูกันเลย

  • รถยนต์ขนาดเล็ก ควรเติมลมยางประมาณ 25-30 PSI 
  • รถยนต์ขนาดกลาง ควรเติมลมยางประมาณ 30-35 PSI
  • รถกระบะ (ไม่บรรทุก) ควรเติมลมยางประมาณ 35-40 PSI
  • รถตู้ (บรรทุก 7-10 คน) ควรเติมลมยางประมาณ 43-55 PSI

 

              2.ไม่ลืมสลับยาง-ถ่วงล้อ เพื่อความปลอดภัย ยืดอายุการใช้งาน 

              การสลับยาง จะช่วยยืดอายุของยางรถยนต์ของคุณ ทำให้ดอกยางสึกหรอเท่ากันสม่ำเสมอและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ เพราะเมื่อเราขับขี่รถไปในระยะหนึ่ง การสึกหรอของหน้ายาง

ระหว่างล้อหน้า-ล้อหลังจะไม่เท่ากันดังนั้นเราควรสลับยางเพื่อให้ยางทั้ง 4 เส้นสึกหรอเท่าๆกันและเมื่อถึงรอบเปลี่ยนยางเราจะสามารถเปลี่ยนยางได้พร้อมกันทั้ง 4 เส้น  

การสลับยางรถยนต์ควรทำทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือน 

              การถ่วงล้อ  คือการปรับสมดุลยางให้กระจายน้ำหนักเท่าๆกัน ประโยชน์ของการถ่วงล้อคือ เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่  ช่วยให้เราขับขี่ได้อย่างสมดุลและยืดอายุการใช้งานยางรถยนต์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น 

              เมื่อไหร่ที่ควรถ่วงล้อ? สังเกตได้จากอาการดังต่อไปนี้…

  •  พวงมาลัยสั่น เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง
  • หลังจากสลับยางแล้วพวงมาลัยสั่น
  • เมื่อวิ่งทางตรง พวงมาลัยออกจากศูนย์กลาง และมีอาการเอียงซ้าย-ขวา

 

              3.หมั่นตรวจเช็คน้ำมันเครื่อง

              น้ำมันเครื่องเมื่อถูกใช้งานแล้วจะลดระดับลงเรื่อยๆ ดังนั้นเพื่อให้น้ำมันเครื่องอยู่ในระดับที่ปกติเพื่อให้รถยนต์ของคุณขับเคลื่อนเคลื่อนไปอย่างราบรื่น ควรตรวจเช็คน้ำมันเครื่อง

อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกๆ 1-2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน หรือเปลี่ยนตามระยะทาง โดยปกติแล้วจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุกๆ 8,000 – 10,000 กม.ตามเกรดของน้ำมันและการใช้งาน 

              น้ำมันเครื่องที่จำหน่ายตามท้องตลาดมีกี่ชนิด?

  • น้ำมันเครื่องธรรมดา(ปิโตรเลียม) เป็นน้ำมันหล่อลื่นที่กลั่นจากน้ำมันดิบ  ควรเปลี่ยนเมื่อครบระยะ 7,000-7,500 กม.
  • น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์  เป็นส่วนผสมระหว่าง น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ และน้ำมันจากธรรมชาติ แต่ละยี่ห้อแต่สูตรจะใช้สัดส่วนที่แตกต่างกัน ควรเปลี่ยนเมื่อครบระยะ 10,000-15,000 กม.
  • น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้  เป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ที่มีสิ่งเจือปนน้อยลงและสารเติมแต่งทีมีคุณภาพสูง  ควรเปลี่ยนเมื่อครบระยะ 15,000-20,000 กม.

              สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง?

  • เครื่องยนต์สั่นและเสียงดังมากกว่าปกติ
  • รถยนต์กินน้ำมันมากกว่าปกติ
  • เครื่องอืด เร่งความเร็วไม่ขึ้น
  • สีของน้ำมันเครื่องเปลี่ยนไป

            การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นสิ่งสำคัญเกี่ยวกับการดูแลรถยนต์ ดังนั้นอย่าลืมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะทางที่กำหนดเพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น 

นอกจากจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแล้วควรเปลี่ยนพร้อมไส้กรองน้ำมันเครื่องทุกครั้ง เพราะไส้กรองฯเป็นตัวที่ดักจับตะกอน เขม่าต่างๆของน้ำมันเครื่องหากไส้กรองอุดตัน 

จะปล่อยน้ำมันเครื่องที่มีเศษสิ่งสกปรกต่างๆออกมา ทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วกว่าปกติ สาวๆคนไหน อยากประหยัดเวลาไม่สะดวกในการนำรถเข้ามาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามร้าน

หรือศูนย์บริการต่างๆ อีซี่ ฟิตมีบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องถึงที่บ้าน คอนโดหรือที่ทำงาน ไม่ต้องมาเดี๋ยวเราไปหาเอง นั่งชิลๆรอรับบริการได้เลย!!

 

             4.เช็คสภาพแบตเตอรี่

             เคยไหมรถยนต์มีอาการสตาร์ทติดยาก? อาการนี้ส่วนใหญเกิดมาจากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ  อีซี่ ฟิตขอแนะนำวิธีในการเช็คสภาพแบตเตอรี่ง่ายๆสามารถทำเองได้ที่บ้าน…

             👉 เช็คจากอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

  • แบตเตอรี่ ยังไม่ถึง 12 เดือน โอกาสที่แบตเตอรี่จะเสื่อมเสียเป็นไปได้น้อยมาก
  • แบตเตอรี่ อายุ 12 – 24 เดือน ให้เช็กระดับน้ำกลั่น เช็กจากการสตาร์ทว่าเริ่มมีอาการสตาร์ทติดยากหรือไม่

             👉เช็คสภาพแบตเตอรี่จากช่องตาแมว

                  แบตเตอรี่แบบแห้ง เช็คดูจากสีของตาแมวอย่างเดียวเท่านั้น!! เพราะเป็นแบตเตอรี่ที่ไม่สามารถเติมน้ำกลั่นได้

🟢ถ้าเป็นสีเขียว/ฟ้า **ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ หมายถึง แบตเต็มปกติ

⚪ถ้าเป็นสีขาว หมายถึง ไฟอ่อนต้องชาร์จไฟเพิ่ม

🔴ถ้าเป็นสีแดง หมายถึง น้ำกลั่นหมดควรเปลี่ยนแบตลูกใหม่

                 แบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่น

🔵ถ้าเป็นแบตแบบนี้สามารถเติมน้ำกลั่นได้ โดยเช็คระดับน้ำกลั่น ว่าพร่องลงไหม ถ้าพร่องให้เติมเพิ่ม

  • แบตเตอรี่ แบบน้ำ ตรวจเช็คน้ำกลั่น ทุก 1 เดือน
  • แบตเตอรี่ แบบไฮบริด ตรวจเช็คน้ำกลั่น ทุก 6 เดือน
  • แบตเตอรี่ กึ่งแห้ง ตรวจเช็คน้ำกลั่น หลังจาก 12 เดือนไปแล้ว

           หากรถยนต์ของสาวๆคนไหนมีอาการสตาร์ทติดยาก อาจจะหมายถึงแบตรถยนต์ของคุณเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว!!  ควรรีบเปลี่ยนแบตโดยด่วนก่อนจะเกิดปัญหากวนใจในภายหลัง

 

             5.เช็คหม้อน้ำ ป้องกันเครื่องร้อน

             การตรวจเช็คหม้อน้ำเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเมื่อระบบระบายความร้อนมีปัญหา ทำให้ความร้อนสะสมในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานจะส่งผลให้เครื่องยนต์พังได้ !! 

การเช็คระดับน้ำในหม้อน้ำควรเช็คอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกๆวัน หรือทุก1-2 สัปดาห์ 

             เช็คหม้อน้ำด้วยตัวเองทำอย่างไร? 

  • ตรวจเช็คระดับน้ำในหม้อน้ำ วิธีเช็คง่ายๆคือ แค่เปิดฝาดูปริมาณน้ำ ต้องเต็มอยู่เสมอ หากน้ำมีปริมาณลดลงให้เติมด้วยน้ำยาหล่อเย็น สามารถหาซื้อได้ตามร้านทั่วไป

           (สิ่งที่ต้องระวัง! ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำตอนเครื่องร้อนเด็ดขาดและห้ามเติมน้ำหม้อน้ำด้วยน้ำประปาเพราะจะทำให้เกิดตะกรันและเป็นสนิมได้) 

  • ตรวจเช็คระดับน้ำในหม้อพัก จะมีสัญลักษณ์บอกระดับน้ำคือ Max และ Min หากน้ำอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าMin  คือน้ำน้อยเกินไป ถือว่าอันตราย!!  วิธีแก้คือเติมน้ำเข้าไปให้อยู่ในระดับ Max 

แต่อย่าเติมเลยขีด Max เพราะเมื่อเครื่องยนต์ร้อนน้ำจะเดือด อาจจะทำให้น้ำล้นออกมาได้

 

            6.ใส่ใจความผิดปกติของรถยนต์  

            สัญลักษณ์บนหน้าปัดรถยนต์ จะช่วยบอกความผิดปกติของรถยนต์ได้มากมาย แต่จะมีใครรู้ความหมายของสัญลักษณ์นี้บ้าง ไปหาคำตอบกัน….

            มาดูกันก่อนว่าไฟโชว์บนหน้าปัดรถยนต์แต่ละสีมีความหมายอย่างไร?

🟢สีเขียว หมายถึง  มีอุปกรณ์อะไรภายในรถยนต์กำลังทำงานอยู่บ้าง

🟡สีเหลือง หมายถึง อุปกรณ์หรือระบบภายในรถกำลังเริ่มมีปัญหา ควรรีบตรวจสอบหรือนำรถเข้าไปตรวจเช็คที่อู่หรือศูนย์ซ่อมโดยช่างผู้ชำนาญ 

🔴สีแดง หมายถึง อุปกรณ์หรือระบบภายในรถมีปัญหาแล้ว ควรรีบหยุดรถหรือโทรหาศูนย์บริการ หรือศูนย์ซ่อมโดยด่วนไม่ควรฝืนขับต่อไป

             สัญลักษณ์ไฟโชว์ที่หน้าปัด บอกอะไรเราได้บ้าง?

              🟢 สัญลักษณ์ไฟหรี่ แสดงเมื่อเรากำลังเปิดไฟหรี่หน้ารถ

              🟢 สัญลักษณ์รูปรองเท้าหรือเท้าเหยียบ คือ แรงดันน้ำมันเบรกหรือระบบเบรกมีปัญหา 

            🟡สัญลักษณ์ปั้มน้ำมัน คือสัญญาณเตือนว่าน้ำมันใกล้จะหมด ควรรีบหาปั้มเติมโดยด่วน

            🟡 สัญลักษณ์เครื่องยนต์ คือ เตือนว่าเครื่องยนต์ของคุณกำลังมีปัญหาควรรีบเข้าอู่โดยด่วน

            🟡 สัญลักษณ์กาน้ำมันเครื่องสีเหลือง คือ น้ำมันเครื่องต่ำ ควรตรวจสอบและเติมน้ำมันเครื่อง

            🔴 สัญลักษณ์เข็มขัดนิรภัย คือ สัญลักษณ์เตือนว่ามีผู้โดยสารยังไม่คาดเข็มขัด หากคาดเข็มขัดแล้วสัญลักษณ์นี้จะหายไป

            🔴 สัญลักษณ์แจ้งเตือนรูปแบตเตอรี่ คือ เตือนว่าแบตเตอรี่กำลังจะหมด

              สำหรับเช็คลิสต์เบื้องต้นที่ทางอีซี่ ฟิตแนะนำเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หากสาวๆคนไหนยังมีความกังวลใจ หรือมีสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับรถยนต์ที่ไม่สามารถเช็คหรือแก้ไขได้ ทางอีซี่ ฟิต 

มีการบริการต่างๆโดยช่างมืออาชีพเพื่อให้คุณคลายกังวลในการใช้รถไม่ว่าจะเป็น บริการเปลี่ยนยาง ตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนแบตเตอรี่ ด้วยรถโมบายเซอร์วิส ให้บริการถึงที่บ้าน 

ที่ทำงานหรือที่ไหนที่คุณสะดวก เราก็ไป!! 

 

*ให้บริการเฉพาะกทม. ปริมณฑล ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

คลิกเพื่อแอดไลน์

📞โทร. 090-956-5566