มือใหม่ควรรู้ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตอนไหน?


การดูแลรักษารถเป็นสิ่งสำคัญ เราต้องหมั่นตรวจเช็กความเรียบร้อยของรถก่อนขับออกไปเสมอ โดยเฉพาะของเหลวในรถอย่างน้ำมันเครื่อง ที่เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนหรือครบระยะทางการใช้งานจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ ใครที่เพิ่งหัดขับรถได้ไม่นานอาจยังไม่รู้การ น้ำมันเครื่อง หรือน้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนตอนไหน สังเกตได้ง่าย ๆ จากระยะทางการใช้งาน หรือดูจากระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องในแต่ละรอบ สามารถเรียนรู้ได้จากบทความนี้

 

น้ำมันเครื่องคืออะไร

น้ำมันเครื่อง คือ คือสารหล่อลื่นที่ทำหน้าที่สำคัญในการหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ โดยจะสร้างฟิล์มบางๆ เคลือบผิวโลหะเพื่อลดการเสียดสีและการสึกหรอของชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว นอกจากนี้น้ำมันเครื่องยังช่วยระบายความร้อน ทำความสะอาดเครื่องยนต์ และป้องกันการเกิดสนิมอีกด้วย

 

น้ำมันเครื่องมีชนิด แตกต่างกันอย่างไร

น้ำมันเครื่องจะมีอยู่ 3 ชนิดหลัก ๆ โดยแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกันดังนี้

 

1. น้ำมันเครื่องธรรมดา

น้ำมันเครื่องธรรมดาจะผลิตจากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมโดยตรง มีจุดเด่นตรงที่ราคาถูกที่สุด แต่ก็มีอายุการใช้งานสั้นที่สุดเช่นกัน โดยทั่วไปควรเปลี่ยนทุก ๆ 3,000-5,000 กม. หรือทุก 6 เดือน

 

2. น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์

เป็นน้ำมันเครื่องที่ผสมระหว่างน้ำมันแร่กับน้ำมันสังเคราะห์ มีคุณสมบัติและราคาอยู่ระหว่างน้ำมันเครื่องธรรมดากับสังเคราะห์ ควรเปลี่ยนทุก 7,000-10,000 กม. หรือทุก 6-9 เดือน

 

3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์

เป็นน้ำมันเครื่องที่ผลิตขึ้นจากสารสังเคราะห์ 100% มีคุณภาพสูงสุด ทนทานต่อความร้อนและการใช้งานหนักได้ดี มีอายุการใช้งานนานที่สุด สามารถใช้งานได้ 10,000-15,000 กม. หรือนานถึง 1 ปี แต่มีราคาแพงที่สุด

 

ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหน ?

น้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนตอนไหน ขอแนะนำว่าน้ำมันเครื่องให้เปลี่ยนตามระยะเวลาการใช้งาน โดยแนะนำว่า 6 เดือนเปลี่ยนครั้งนึง หรือทุก ๆ ระยะทางการใช้งาน 8,000-10,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับว่าขับรถบ่อยแค่ไหน หากใช้งานเป็นประจำหรือเดินทางไกลบ่อย ๆ ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ทุก 5,000 กิโลเมตร 

 

1. เปลี่ยนตามเลขไมล์

น้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนตอนไหน แนะนำว่าเปลี่ยนตามเลขไมล์ สามารถตรวจเช็กสภาพน้ำมันเครื่องได้ด้วยเลขไมล์รถยนต์โดยการนำมาเทียบกับป้ายน้ำมันเครื่องที่แขวนอยู่ตรงพวงมาลัย ซึ่งการเทียบเลขไมล์กับป้ายน้ำมันเครื่องจะแสดงระยะทางที่ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไว้ ทำให้รู้ระยะการใช้งานของรถเสมอ ในกรณีที่ไม่มีคู่มือหรือเป็นรถมือสองแล้วไม่รู้ว่าต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหนให้ดูจากหน้าป้ายน้ำมันเครื่องที่ติดอยู่ โดยปกติแล้ว ส่วนใหญ่ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก ๆ 8000,-10,000 กิโลเมตร 

แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานรถด้วยเช่นกัน หากขับขี่บ่อยหรือเดินทางไกลเป็นประจำ ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตั้งแต่ระยะไมล์ที่ 5,000 กิโลเมตร ทั้งนี้เพื่อเป็นการคงประสิทธิภาพของรถควรใช้น้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพ จากข้อมูลของ กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน ได้สรุปว่า น้ำมันเครื่องธรรมดา(ปิโตรเลียม) 7,000-7,500 กม. น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ 10,000-15,000 กม. และน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 15,000-20,000 กม.

 

2. เปลี่ยนตามระยะการใช้งาน

หากเป็นรถที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยหรือจอดพักทิ้งไว้นาน ๆ ตัวเลขไมล์จะขึ้นเปลี่ยนจุดกำหนดการถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่ ซึ่งจะขยายระยะเวลาให้นานออกไปกว่าเดิม แต่ไม่จำเป็นต้องรอดูจุดเปลี่ยนของเลขไมล์เพียงอย่างเดียว สำหรับรถใช้งานน้อย ไมล์ไม่ถึงเกณฑ์ให้เปลี่ยนใหม่ตามระยะเวลาแทน ซึ่งโดยทั่วไปควรเปลี่ยนทุก ๆ 6 เดือน ขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำมันเครื่องแต่ละชนิด ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่าน้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนตอนไหนดี
 

ถ้าไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจะส่งผลเสียอะไรบ้าง

หากผู้ใช้งานรถยนต์ไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนด อาจส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์และประประสิทธิภาพการทำงานของรถยนต์ได้หลายด้าน เช่น

  • น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ: เมื่อใช้งานไปนาน ๆ น้ำมันเครื่องจะเสื่อมคุณภาพ ทำให้ประสิทธิภาพการหล่อลื่นลดลง ส่งผลให้ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์เสียดสีกันมากขึ้น และเกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติ
  • น้ำมันเครื่องหนืดข้น: น้ำมันเครื่องที่ใช้งานนานเกินไปจะมีความหนืดเพิ่มขึ้น ทำให้ไหลเวียนได้ไม่ดี เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้นในการปั๊มน้ำมัน ส่งผลให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น และอาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดได้
  • เกิดคราบตะกอนและสิ่งสกปรกสะสม: น้ำมันเครื่องเก่าจะมีคราบเขม่า โลหะ และสิ่งสกปรกสะสมอยู่ เมื่อไม่เปลี่ยนถ่าย สิ่งเหล่านี้จะไปอุดตันตามท่อทางเดินน้ำมัน ทำให้การหล่อลื่นไม่ทั่วถึง และอาจทำให้ชิ้นส่วนบางอย่างเสียหายได้
  • ประสิทธิภาพการระบายความร้อนลดลง: น้ำมันเครื่องที่เสื่อมสภาพจะระบายความร้อนได้ไม่ดี ทำให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไป อาจส่งผลให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ เสียหายจากความร้อนสูง
  • เครื่องยนต์มีเสียงดังผิดปกติ: เมื่อการหล่อลื่นไม่เพียงพอ ชิ้นส่วนต่าง ๆ จะเสียดสีกันมากขึ้น ทำให้เกิดเสียงดังผิดปกติ เช่น เสียงเคาะ หรือเสียงครืดคราดจากเครื่องยนต์
  • สิ้นเปลืองน้ำมันเครื่อง: น้ำมันเครื่องที่เสื่อมสภาพจะระเหยง่ายขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำมันเครื่องลดลงเร็วกว่าปกติ ต้องเติมน้ำมันเครื่องบ่อยขึ้น
  • อายุการใช้งานของเครื่องยนต์สั้นลง: การไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามกำหนดจะทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ สึกหรอเร็วขึ้น ส่งผลให้อายุการใช้งานของเครื่องยนต์สั้นลง
  • สิ้นเปลืองค่าซ่อมบำรุง: เมื่อชิ้นส่วนต่าง ๆ เสื่อมสภาพเร็ว จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงมากขึ้นในระยะยาว บางกรณีอาจต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ทั้งเครื่อง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก
  • ประสิทธิภาพการขับขี่ลดลง: เมื่อเครื่องยนต์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ จะส่งผลให้สมรรถนะในการขับขี่ลดลง เช่น เร่งไม่ขึ้น กำลังตก ทำให้การขับขี่ไม่สมูท และอาจเกิดอันตรายได้

วิธีการเช็กระดับน้ำมันเครื่อง

วิธีการเช็คน้ำมันเครื่อง

จะทราบได้อย่างไรว่าน้ำมันเครื่องของเราอยู่ในระดับใด สังเกตได้ง่าย ๆ จากการดูก้านวัดน้ำมันเครื่องติดรถยนต์ โดยก่อนดูต้องแน่ใจก่อนว่ารถดับเครื่องสนิทและอยู่ในพื้นที่ราบแล้ว 10 นาที ให้น้ำมันไหลเข้าไปในอ่างน้ำมันเครื่องทั้งหมด ก่อนดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องที่อยู่ใต้กระโปรงรถออกมา ใช้ผ้าเช็ดให้สะอาดมาแล้วใส่กลับเข้าไปอีกรอบเพื่อวัดระดับน้ำมันเครื่อง สักพักให้ดึงออกมาในแนวนอนจะเห็นระดับน้ำมันเครื่องที่มีอยู่ หากพบว่าระดับน้ำมันอยู่ต่ำกว่าเครื่องหมายที่กำหนด ให้เติมน้ำมันเครื่องจนอยู่ในระดับที่แนะนำ

 

7 ขั้นตอนเปลี่ยนน้ำมันเครื่องด้วยตัวเอง

สำหรับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องด้วยตัวเองแบบไม่ต้องง้อช่าง อย่างแรกที่ต้องทำคือการจอดรถบนพื้นราบแล้วใส่เบรกมือ หากรถเพิ่งใช้งานควรจอดทิ้งไว้ให้เครื่องยนต์เย็นเสียก่อน หลังจากนั้นใช้แม่แรงยกส่วนหน้ารถขึ้นแล้วรองด้วยตัวรับน้ำหนัก ควรระวังอย่าให้รถอยู่บนแม่แรงเพียงอย่างเดียวขณะที่ทำงาน เพราะอาจจะทำให้พับลงมาทับคุณได้ ส่วนรถที่มีความสูงอยู่แล้วอาจจะไม่ต้องใช้แม่แรง เพียงแค่จอดรถแล้วใส่เบรกมือก็สามารถมุดเข้าไปได้เลย หลังจากนั้นให้เริ่มต้นทำตามขั้นตอน ดังนี้

  • เปิดฝาครอบน้ำมันเครื่อง: ใต้ฝากระโปรงรถจะมีฝาสำหรับเติมน้ำมันเครื่อง ให้เปิดทิ้งเอาไว้
  • ถอดนอตถ่ายน้ำมันเครื่อง ก่อนจะถอดนอตให้เตรียมภาชนะสำหรับรองรับน้ำมันเครื่อง หากเพิ่งดับเครื่องยนต์ให้ระวังความร้อนจากน้ำมันเครื่อง จากนั้นใช้ประแจเบอร์ 10 หมุนคลายนอตแล้วปล่อยให้น้ำมันเครื่องไหลออกมาให้หมด
  • เปลี่ยนกรองน้ำมัน: เมื่อน้ำมันเครื่องไหลออกมาหมดแล้ว ใช้ประแจถอดกรองน้ำมันเครื่องออกมาแล้วใส่ของใหม่เข้าไป ขันให้แน่นอย่างพอดี
  • ล้างคราบน้ำมันเก่าออก: ใช้นอตตัวเดิมใส่กลับเข้าไปที่อ่างน้ำมันเครื่องพอหลวม ๆ เทน้ำมันเครื่องใหม่ประมาณ 1 ลิตร แล้วรอสักพักค่อยถอดนอตออก เพื่อให้น้ำมันเครื่องล้างคราบน้ำมันเก่าที่ติดค้างออกมา
  • ใส่นอตน้ำมันเครื่อง: ใส่นอตตัวใหม่และแหวนนอตแล้วขันให้แน่น ค่อย ๆ เติมน้ำมันเครื่องใหม่เข้าไป ระหว่างนี้คอยดูว่าอย่าให้ระดับน้ำมันถึงขีดสูงสุดของก้านวัดระดับน้ำมัน
  • เช็กความเรียบร้อย: ปิดฝาน้ำมันเครื่องแล้วเอารถลงจากเหล็กค้ำ เช็ดคราบน้ำมันเครื่องที่เลอะ เช็กดูที่นอตว่ามีน้ำมันซึมออกมาหรือไม่
  • สตาร์ตรถ: หลังจากที่ทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สตาร์ตรถทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องเข้าไปเคลือบเครื่องยนต์ และคอยเช็กดูให้ดีว่ารอยน้ำมันหยดที่พื้นหรือไม่ หากไม่มีก็แปลว่าการถ่ายน้ำมันเครื่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเกินระยะกำหนด จะเป็นไรไหม

แม้การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเกินกำหนดเล็กน้อยอาจไม่ส่งผลเสียในทันที แต่ถ้าลืมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องบ่อย ๆ เว้นระยะห่างนานเกินไป ในระยะยาวก็จะผลเสียต่อเครื่องยนต์มากมายอย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้น ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ อายุการใช้งานสั้นลง ทำให้ขับขี่รถยนต์ได้ไม่มีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การเสียเงินค่าซ่อมบำรุงบ่อย ๆ ในที่สุด

 

สรุป น้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนตอนไหน ?

น้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนตอนไหนดี

การตรวจเช็กสภาพน้ำมันเครื่องอยู่เสมอ จะทำให้เรารู้ว่าควรน้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนตอนไหน นอกจากจะช่วยให้รถคงประสิทธิภาพเดิมไว้ ยังช่วยป้องกันความเสียหายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งการตรวจเช็กน้ำมันเครื่องสามารถสังเกตได้จากดูลักษณะการใช้งานรถ เช่น หากเป็นคนที่ชอบขับขี่บ่อย ให้สังเกตระยะทางการใช้งานรถจากเลขไมล์ เมื่อพบว่าถึงกำหนดให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องแล้วก็สามารถเปลี่ยนได้เลย แต่ในกรณีที่รถมีการขับขี่ใช้งานน้อย หรือจอดทิ้งไว้นาน ๆ สังเกตเลขไมล์รถแล้วไม่ขยับไปไหนเป็นระยะเวลานาน หากเกิน 6 เดือนแล้วควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทันที ทั้งนี้ทั้งนั้นการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง แต่ให้ทราบหลักการสังเกตเบื้องต้นและหมั่นตรวจเช็กความเรียบร้อยต่าง ๆ ก็จะทำให้การเดินทางของคุณมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

หากใครสนใจบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง EZY FIT จำหน่ายน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้จากแบรนด์ชั้นนำ พิเศษกว่าที่ไหน ฟรีค่าบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องถึงที่บ้าน ในพื้นที่ที่กำหนด (กทม. ปริมณฑล ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง) สนใจโทร. 090-956-5566