รู้ได้อย่างไร ว่ายางเสื่อมสภาพ


ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ประเภทไหน “ยาง” ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะเป็นส่วนแรกที่ต้องรองรับทั้งแรงปะทะและแรงเสียดทานจากถนน อีกทั้งยังใช้รองรับน้ำหนักของรถยนต์ทั้งคันให้ขับเคลื่อนได้อย่างนุ่มนวลและปลอดภัยมากที่สุด ด้วยหน้าที่และภาระที่ยางต้องแบกรับทั้งหมดจึงทำให้มีอายุการใช้งานจำกัด เฉลี่ยอยู่ที่ 50,000 กิโลเมตร ดังนั้นการเช็กยางเสื่อมสภาพจึงเป็นสิ่งที่คนใช้รถไม่ควรมองข้าม

6 วิธีดูยางรถยนต์เสื่อมสภาพ

หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ายางใกล้เสื่อมสภาพแล้ว วันนี้ EZY FIT จะมาแนะนำ 6 วิธีดูยางเสื่อมสภาพเบื้องต้นโดยไม่ต้องถึงมือช่างก็ดูเองได้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ง่าย ๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

1. ดูเลขรหัส 4 ตัวข้างแก้มยาง

ตำแหน่งแรกที่คนใช้รถควรรู้คือรหัสชุด 4 ตัวเลขที่อยู่ข้างแก้มยาง ซึ่งเป็นตัวเลขที่ผู้ผลิตทำไว้เพื่อบอกอายุของยางเส้นนั้น โดยใช้ตัวเลข 4 ตัวที่หมายถึงสัปดาห์ที่ผลิตและปีที่ผลิต ตัวอย่างเช่น 4023 หมายถึงยางเส้นนี้ผลิตสัปดาห์ที่ 40 ของปี 2023 (1 ปีมี 52 สัปดาห์) วิธีอ่านให้แบ่งเป็นเลขคู่หน้าคือสัปดาห์และคู่หลังคือปี ก็จะเท่ากับ 40 = สัปดาห์ / 23 = ปี วิธีอ่านชุดตัวเลขนี้สามารถนำไปใช้ตอนซื้อยางใหม่ได้เพื่อเช็กว่ายางเส้นนั้นผลิตตามปีที่ต้องการหรือไม่

2. เทียบเนื้อยางกับสะพานยางสภาพดอกยางโดยรวม

สะพานยางคือส่วนถัดมาสังเกตได้ด้วยตาเปล่าเป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างดอกยาง โดยส่วนนี้มีไว้เพื่อวัดความสูงของเนื้อยาง หากยางสึกมาก ๆ จะเหลือเนื้อยางน้อยลงจนเสมอกับสะพานยาง ส่งผลให้ดอกยางเสื่อมสภาพทำให้ยึดเกาะถนนได้ไม่ดีและอาจทำให้รถลื่นไถลเมื่อเจอถนนที่เปียกลื่น ถ้าให้ดีควรเช็กสะพานยางเป็นประจำอย่างน้อย 6 เดือนครั้ง

3. สภาพดอกยางโดยรวม

ดอกยางเป็นส่วนที่ช่วยเรื่องการยึดเกาะถนนและการรีดน้ำบนถนนที่เปียกลื่นในขณะขับขี่ เมื่อใช้งานถึงระยะที่เหมาะสมดอกยางเหล่านี้จะมีความบางหรือโล้นมากกว่าตอนเปลี่ยนใหม่เป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้รถยนต์เกาะถนนได้ไม่ดีและอาจลื่นไถลได้เมื่อเจอพื้นเปียก ดอกยางใหม่จะมีความลึกประมาณ 8-9 มม. ถ้าดอกยางเหลือต่ำกว่า 3 มม. ควรเปลี่ยนยางชุดใหม่ทันที

4. ความกระด้างของเนื้อยางและรอยแตกลายงา

ผิวยางรถยนต์ใหม่จะมีความนุ่มและเนื้อยางเงาอย่างเห็นได้ชัด เพื่อรองรับการใช้งานในทุกสถานการณ์ แต่เมื่อใช้งานไปเรื่อย ๆ ผิวของยางก็จะเสื่อมสภาพลงไปตามกาลเวลา หากคุณรู้สึกว่ายางดูแข็งกระด้างและมีรอยแตกลายงาอย่างเห็นได้ชัดส่งผลต่อการยึดเกาะถนน ถ้าให้ดีควรเปลี่ยนยางชุดใหม่เพื่อให้คุณใช้งานได้อย่างปลอดภัย

5. เกิดการรั่วบ่อย ๆ

ยางรั่วเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นประจำมักจะเกิดจากการเหยียบของมีคมอย่างตะปูหรือนอตในระหว่างขับขี่ ซึ่งสามารถปะได้หากยางยังไม่ถึงเกณฑ์ต้องเปลี่ยน แต่ถ้าหากตำแหน่งที่รั่วส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของยาง ขอแนะนำให้ช่างผู้เชี่ยวชาญประเมินดูว่าควรปะยางหรือเปลี่ยนเส้นใหม่ไปเลยดีกว่า เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายในการใช้งาน

6. ยางปูดบวมจนเห็นได้ชัด

ยางปูดบวมเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้จากอุบัติเหตุระหว่างใช้งานไม่ว่าจะเป็น การเบียดกับทางเท้า ขับรถตกหลุม และการเสียดสีระหว่างใช้งานที่รุนแรง อาการปูดบวมของยางเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าไม่ควรใช้ยางเส้นนั้นแล้ว เพราะการที่ยางปูดบวมคืออาการเสื่อมสภาพของเนื้อยางหากผืนใช้ต่อไปอาจทำให้ยางระเบิดระหว่างทางได้ อันตรายถึงชีวิต

สรุปเกี่ยวกับการเช็กยางเสื่อมสภาพ

มาถึงตรงนี้หลายคนคงพอเห็นภาพกันแล้วว่ายางที่เสื่อมสภาพมีลักษณะเป็นยังไง และสังเกตได้ยังไงบ้าง ดังนั้นคุณควรสังเกตกับรถยนต์ของคุณเองอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ที่สำคัญยางที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ยังช่วยให้รถยนต์มีประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีที่สุด สำหรับใครที่รู้ตัวว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางแล้ว EZY FIT พร้อมยกขบวนยางรถยนต์จากแบรนด์ชั้นนำราคาพิเศษมาให้คุณเลือกอย่างจุใจ พร้อมบริการเปลี่ยนยางนอกสถานที่โดยทีมช่างมืออาชีพ ยกมาทั้งอู่แบบ Mobile-Onsite Service พิเศษซื้อ 4 เส้น ฟรีค่าบริการ เปลี่ยนยาง ตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ และเติมลมไนโตรเจนถึงบ้าน สอบถามข้อมูลสินค้าและโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์หรือ โทร. 090-956-5566