เมื่อมีรถยนต์สักหนึ่งคันเอาไว้ครอบครองแล้ว เรื่องของการดูแลเครื่องยนต์และความสวยงามของตัวรถยนต์อาจจะยังไม่เพียงพอ เพราะอีกหนึ่งเรื่องที่จะต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กับเรื่องอื่น ๆ นั่นก็คือ การดูแลยางรถยนต์ เพราะยางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่คอยทำหน้าที่รองรับน้ำหนักและสัมผัสกับพื้นผิวของถนนอยู่ตลอดเวลา หากมีการละเลยและปล่อยให้ลมยางอ่อนหรือแข็งเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียต่อยางรถยนต์ในหลาย ๆ ด้านได้ การเติมลมยางรถยนต์ให้เหมาะสมกับรถแต่ละแบบจึงจะมอบประสบการณ์ขับขี่ที่สมบูรณ์แบบและปลอดภัยมากที่สุด
ยางรถยนต์ เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด เพราะยางรถยนต์เป็นเพียงชิ้นส่วนเดียวของรถที่ต้องคอยสัมผัสกับพื้นถนนอยู่ตลอดเวลา เพื่อช่วยยึดเกาะถนนและเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุผลนี้เองผู้ขับขี่ทุกคนจึงต้องมีการตรวจเช็กสภาพดอกยาง แก้มยาง และลมยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ควรตรวจสอบยางรถยนต์อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ในกรณีที่ไม่ค่อยได้ใช้รถ และเดือน 2-3 ครั้ง ในกรณีที่ใช้รถเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับตัวรถในระหว่างการขับขี่ได้ โดยปริมาณการเติมลมยางที่เหมาะสมจะสามารถดูได้ทีสติกเกอร์ข้างประตูคนขับ ซึ่งหน่วยแรงดันลมยางในประเทศไทยจะเรียกว่า PSI หรือ Pound per Square inches (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) เป็นหน่วยมาตรฐานเครื่องปั๊มลมทั่วประเทศ
สิ่งสำคัญที่สุดในการเติมลมยางรถยนต์ คือการเติมลมยางให้ถูกต้องตามคำแนะนำของรถแต่ละประเภท เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ส่งผลต่อการควบคุมรถ และน้ำมันรถ หากมีการบรรทุกสิ่งหรือคนที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นก็สามารถเพิ่มแรงดันลมยางเพื่อชดเชยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน หรือการปรึกษาและสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรงก็จะทำให้ช่วยเพิ่มความสบายใจในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับคำถามที่ว่าเติมลมรถเก๋งเท่าไรถึงจะเหมาะสมมากที่สุด โดยแรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเติมลมรถเก๋งจะอยู่ที่ประมาณ 30-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) สำหรับล้อหน้าและล้อหลัง หากต้องการบรรทุกสิ่งของที่ทำให้น้ำหนักรถเพิ่มขึ้น อาจเพิ่มปริมาณการเติมลมรถเก๋งได้มากถึง 33-35 PSI เพื่อเป็นการชดเชยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมา
จากที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่ารถแต่ละประเภทก็จะมีปริมาณการเติมลมยางรถยนต์ที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้ส่งผลต่อการควบคุมตัวรถและความปลอดภัยบนท้องถนน หากมีการเติมลมยางรถยนต์ที่ไม่เหมาะสม เติมอ่อนเกินไปหรือแข็งเกินไปจะส่งผลต่อการขับขี่ได้ ดังนี้
สำหรับในกรณีที่เติมลมยางรถยนต์อ่อนหรือน้อยเกินไป หากมีการขับขี่ไปเรื่อย ๆ จนลมยางเริ่มอ่อนจะมีโอกาสและมีความเสี่ยงที่ยางจะระเบิดได้มากขึ้น เนื่องจากการเติมลมยางน้อยจะทำให้ยางเกิดการย้วยและผิดรูป จึงทำให้มีโอกาสเสียดสีกับพื้นถนนได้มากขึ้น และเป็นสาเหตุที่อาจทำให้ยางระเบิดได้ รวมทั้งยังทำให้รถกินน้ำมันอีกด้วย
ส่วนในกรณีที่มีการเติมลมยางที่แข็งจนทำให้ยางรถยนต์ตึงและมีความแข็งกระด้าง หากเป็นเช่นนี้จะส่งผลในการยึดเกาะถนนที่มีประสิทธิภาพลดลง ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาจทำให้รถเบรกไม่อยู่และลื่นไหลได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเวลาที่ขับผ่านแอ่งน้ำหรือวันที่ฝนตก การเติมลมยางที่แข็งเกินไปยังทำให้ยางสึกได้เร็วขึ้นกว่าเดิม และมีอายุการใช้งานที่สั้นลง
มาถึงตรงนี้แล้วหลายคนอาจเกิดคำถามและข้อสงสัยว่า “ควรเติมลมยางรถยนต์บ่อยแค่ไหน?” ซึ่งในส่วนนี้เองยังไม่มีข้อมูลที่ระบุแน่ชัดถึงระยะเวลาว่าควรเติมลมบ่อยแค่ไหนถึงจะดีที่สุด เนื่องจากระยะเวลาในการเติมที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณการขับขี่รถยนต์ของแต่ละคน โดยปกติแล้วแรงดันลมยางจะลดลงเฉลี่ย 2-3 PSI ใน 1 เดือน เจ้าของรถจึงต้องตรวจเช็กปริมาณแรงดันลมยางเฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง หากไม่ได้มีการขับขี่รถบ่อย
สุดท้ายนี้ การเติมลมรถเก๋งที่เหมาะสมและเป็นมาตรฐาน ควรเติมอยู่ที่ประมาณ 30-32 PSI สำหรับล้อหน้าและล้อหลัง หากมีการบรรทุกสิ่งของที่มากก็อาจจะเพิ่มปริมาณเป็น 33-35 PSI ส่วนรถประเภทอื่น ๆ ก็ควรเติมปริมาณลมยางให้เหมาะสมกับรถประเภทนั้น เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยตลอดการขับขี่ รวมทั้งยังมีส่วนช่วยในการรักษาคุณภาพของยางรถยนต์ให้มีประสิทธิภาพและช่วยยืดอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นได้อีกด้วย
สำหรับใครที่กำลังสนใจเปลี่ยนยางรถยนต์ EZY FIT พร้อมให้บริการเปลี่ยนยางรถยนต์นอกสถานที่ Mobile Onsite Service ด้วยช่างผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ พร้อมด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือแบบครบวงจร ฟรีค่าแรงช่างกับราคาที่น่าสนใจ รวมทั้งยังดูแลรถคันโปรดของคุณได้มากกว่าใครกับบริการที่ครอบคลุมมากกว่า 6 จังหวัด ไม่ว่าจะเป็น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, และระยอง ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เราก็พร้อมให้บริการคุณแบบมืออาชีพอย่างแน่นอน