เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ชิ้นส่วนรถยนต์แต่ละส่วนมีความสำคัญและวิธีดูแลที่แตกต่างกันไป ซึ่งเจ้าของรถยนต์จำเป็นจะต้องให้ความใส่ใจกับการเช็กชิ้นส่วนหรือระบบต่าง ๆ เป็นประจำ รวมถึงเมื่อถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนอะไหล่ต่าง ๆ ก็ไม่ควรรีรอ โดยเฉพาะระบบที่เราใช้งานกันเป็นประจำและต้องให้ความสำคัญที่สุดอย่าง “ระบบเบรค” เพราะหากเกิดปัญหาหรือใช้งานระบบเบรคได้ไม่เต็มที่ก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงถึงชีวิตได้
ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมเวลาไปเช็กระบบเบรก หรือเปลี่ยนผ้าเบรค มักจะมีช่างแนะนำให้เจียรจานเบรคไปพร้อมกัน แน่นอนว่าสำหรับคนที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องรถยนต์เลยก็คงจะสงสัยว่า มันจำเป็นที่จะต้องทำจริงหรือไม่ หรือช่างแค่ต้องการเอาเงินเท่านั้น? วันนี้ EZY FIT จะมาไขข้อสงสัยในเรื่องนี้ให้กับคุณเอง
การเจียรจานเบรค คือการปรับสภาพผิวหน้าของจานเบรกที่เป็นร่อง สึก หรือขรุขระ จากการใช้งานให้เรียบขึ้นหรือหายไป โดยจะเป็นการใช้ใบมีดของเครื่องเจียรมาปาดที่ผิวหน้าของจานเบรค เพื่อให้มีค่าแรงเสียดทานระหว่างจานเบรคและผ้าเบรคเพิ่มขึ้น ทำให้ระบบเบรคสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และลดการเกิดเสียงดังขณะเบรค ซึ่งการเจียรจานเบรคสามารถใช้ได้กับจานเบรคที่เป็นสนิมไม่มาก แต่ถ้าหากพบว่าเป็นสนิมมาก ๆ ก็ควรเปลี่ยนจานเบรคทันที
ได้ทราบกันไปแล้วว่า การเจียรจานเบรคคืออะไร ต่อไปก็มาถึงส่วนที่หลายคนอยากรู้มากที่สุดคือ เราควรนำจานเบรคไปเจียรเมื่อไหร่ ซึ่งกรณีที่เราจะต้องนำจานเบรคไปเจียรให้เรียบมีอยู่ 5 กรณี คือ
1.จานเบรคเป็นรอยหรือมีร่องเป็นเส้น
ซึ่งอาจเกิดจากผ้าเบรคหมดถึงเหล็กยึดผ้าเบรค ทำให้เหล็กกับเหล็กเกิดการเสียดสีกันจนเกิดร่องรอยขึ้นเมื่อเบรคหรือชะลอรถ ส่งผลให้ผิวสัมผัสของผ้าเบรคและจานเบรคลดลง รวมถึงทำให้ประสิทธิภาพการเบรคลดลงด้วยเช่นกัน โดยสามารถแก้ไขได้ด้วยการนำจานเบรคมาเจียรให้เรียบขึ้น ทั้งนี้ก็จำเป็นจะต้องดูความหนาของจานเบรคด้วยว่าน้อยกว่าที่กำหนดหรือไม่ หากน้อยกว่าที่กำหนดก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนจานเบรคใหม่
2.มีผิวหน้าจานเบรคเป็นจ้ำ ไม่สม่ำเสมอ
หากผิวหน้าจานเบรคเป็นจ้ำ ไม่สม่ำเสมอจะทำให้จานเบรคกับผ้าเบรคสัมผัสกันไม่เต็มที่ จนทำให้รู้สึกสะท้านขณะเบรค จึงจำเป็นต้องเจียรจานเพื่อปรับผิวหน้า แต่หากเป็นจ้ำมาก ก็จะต้องตรวจสอบหน้าแปลนดุมล้อ หรือกรณีสุดท้ายอาจจะต้องเปลี่ยนจานเบรคใหม่
3.จานเบรคเป็นสนิม
โดยปกติแล้ว สนิมที่เกิดขึ้นบนเนื้อเหล็กจะไม่สามารถหายเองได้ ซึ่งคราบสนิมเหล่านี้จะไปกัดผ้าเบรคให้เป็นรอยตามเนื้อสนิม ทำให้มีอาการลื่นขณะเบรค โดยหากมีสนิมไม่มากก็สามารถเจียรจานเพื่อแก้ไขได้ แต่หากเป็นสนิมจำนวนมากก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนจานเบรคใหม่
4.จานเบรคร้าว
หากมีการร้าวแค่บริเวณผิวหน้าเล็กน้อย ก็สามารถเจียรออกได้ แต่อาจทำให้คุณสมบัติของจานเบรคเปลี่ยนไป และมีโอกาสร้าวตามมาอีกได้ ซึ่งหากมีการร้าวอีกครั้งก็ควรจะเปลี่ยนจานเบรคใหม่
5.เมื่อต้องเปลี่ยนผ้าเบรคใหม่
ผ้าเบรคและจานเบรค เป็นส่วนที่มีการเสียดสีกันทุกครั้งเมื่อเหยียบเบรคหรือชะลอรถ และเมื่อมีการใช้งานเป็นเวลานาน การเสียดสีก็จะทำให้มีการสึก เกิดร่อง หรือมีผิวขรุขระไม่สม่ำเสมอได้ และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นกับจานเบรค รวมถึงป้องกันอันตรายขณะขับขี่ จึงควรหมั่นสังเกตผ้าเบรคเป็นประจำ
โดยวิธีสังเกตผ้าเบรคเสื่อมที่ทำได้ง่าย ๆ คือ การสังเกตว่ามีอาการพวงมาลัยสั่น เสียงเสียดสีของโลหะ หรือกลิ่นไหม้ขณะเหยียบเบรคหรือไม่ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากผ้าเบรคเสื่อมจนกัดจานเบรค หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบเข้าไปเปลี่ยนผ้าเบรคและเจียรจานเบรคที่ศูนย์บริการให้เร็วที่สุด
ที่สำคัญคือ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนผ้าเบรคก็ควรจะเจียรจานเบรคด้วยทุกครั้ง เพื่อให้ผิวหน้าของจานเบรคแนบสนิทกับผ้าเบรค เพราะเมื่อเรามีการเปลี่ยนผ้าเบรคชุดใหม่ ผ้าเบรคชุดนั้นจะมีผิวหน้าที่เรียบเนียน แต่จานเบรคที่มีการใช้งานและไม่ถูกเจียรอาจเกิดร่อง ผิวไม่สม่ำเสมอ หรือการสึกตามการใช้งาน
ได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเจียรจานเบรคกันไปพอสมควรแล้ว อันดับต่อไปเราก็จะขอมาแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเจียรจานเบรค ซึ่งมีทั้งหมด 2 วิธีคือ การเจียรจานเบรคแบบประชิดล้อ และการเจียรจานเบรคบนแท่น
การเจียรจานเบรคแบบประชิดล้อ หรือการเจียรแบบไม่ต้องถอดจานเบรค เป็นการเจียรโดยนำเครื่องเจียรมาวางไว้ชิดกับจานเบรค โดยไม่ต้องถอดจานเบรคออก ทำให้สามารถปรับสมดุลของจานเบรคที่ตัวรถได้เลย ถือเป็นวิธีที่มีความสะดวก และรวดเร็ว
การเจียรจานเบรคบนแท่น หรือการถอดจานเบรคออกมาเจียรที่แท่นเจียร ซึ่งวิธีนี้มีข้อดีคือสามารถปรับมุม และองศาของใบมีดเจียรได้มากกว่าวิธีแรก แต่จะมีขั้นตอนและต้องใช้เวลาในการเจียรมากกว่า เพราะต้องถอดจานออกมาเจียรที่แท่นเจียร
เมื่อได้ทราบกันไปแล้วว่า การเจียรจานเบรคคืออะไร แล้วทำไมถึงควรนำจานเบรคไปเจียรทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าเบรค หลายคนก็คงจะคลายความสงสัยในข้อนี้กันไปได้แล้ว ที่สำคัญคืออย่าลืมให้ความสำคัญกับการตรวจเช็กชิ้นส่วนหรือระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ตามระยะเวลาที่กำหนดเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายต่อชีวิต ซึ่งถ้าหากคุณยังมีข้อสงสัยเรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับรถยนต์อยู่ก็สามารถติดต่อสอบถามได้เลยที่เบอร์โทรศัพท์ 090-956-5566 หรือ Line OA @EZYFIT