สลับยางรถยนต์ต้องตั้งศูนย์ถ่วงล้อทุกครั้งไหม เมื่อไหร่ควรทำ


การดูแลรักษารถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรให้ความใส่ใจ โดยเฉพาะเรื่องของยางรถยนต์ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนและความปลอดภัยบนท้องถนน หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลยางรถยนต์ก็คือ เมื่อสลับยางรถยนต์ ต้องตั้งศูนย์ถ่วงล้อทุกครั้งหรือไม่? วันนี้ EZY FIT ศูนย์บริการดูแลรถยนต์ถึงบ้าน  จะพาไปหาคำตอบ พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสลับยางและการตั้งศูนย์ถ่วงล้อที่ถูกต้อง

สลับยางรถยนต์ต้องตั้งศูนย์ถ่วงล้อทุกครั้งไหม

 

การสลับยางรถยนต์เป็นวิธีการยืดอายุการใช้งานของยางให้นานขึ้น โดยการสลับตำแหน่งของยางแต่ละเส้นเพื่อให้เกิดการสึกหรออย่างสม่ำเสมอ แต่คำถามที่มักพบคือ หลังจากสลับยางแล้วจำเป็นต้องตั้งศูนย์ถ่วงล้อทุกครั้งหรือไม่

คำตอบคือ ไม่จำเป็นต้องตั้งศูนย์ล้อทุกครั้งที่สลับยาง แต่ควรทำการถ่วงล้อใหม่ทุกครั้งที่มีการสลับยาง เนื่องจากการถ่วงล้อจะช่วยให้ล้อหมุนได้สมดุลและลดการสั่นสะเทือนขณะขับขี่

อย่างไรก็ตาม การตั้งศูนย์ล้อจะจำเป็นเมื่อการสลับยางส่งผลกระทบต่อมุมของล้อ เช่น มุมแคมเบอร์หรือมุมแคสเตอร์ ซึ่งอาจทำให้ช่วงล่างและการขับขี่เปลี่ยนแปลงไป

 

สลับยางรถยนต์กรณีไหนที่ต้องตั้งศูนย์ถ่วงล้อ

แม้ว่าการสลับยางไม่จำเป็นต้องตั้งศูนย์ถ่วงล้อทุกครั้ง แต่มีบางกรณีที่ควรพิจารณาทำการตั้งศูนย์หลังจากสลับยาง เช่น

  • เมื่อสังเกตเห็นอาการผิดปกติหลังจากสลับยาง ไม่ว่าจะเป็น รถเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งขณะขับ, พวงมาลัยสั่นผิดปกติ, พวงมาลัยไม่อยู่ในตำแหน่งตรงกลางเมื่อขับตรง หรือรถมีอาการกินยาง (ยางสึกไม่เท่ากัน)
  • มีการเปลี่ยนขนาดยาง หรือล้อใหม่ พร้อมกับการสลับยาง
  • เมื่อสลับยางพร้อมกับการซ่อมแซม หรือเปลี่ยนชิ้นส่วนช่วงล่าง
  • รถเคยประสบอุบัติเหตุ หรือกระแทกกับสิ่งกีดขวางอย่างรุนแรง

เมื่อไหร่ที่จำเป็นต้องตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่

 

นอกจากกรณีที่เกี่ยวข้องกับการสลับยางแล้ว ยังมีช่วงเวลาอื่นๆ ที่ควรพิจารณาตั้งศูนย์ถ่วงล้อด้วย เช่น

  • ตามระยะเวลาที่แนะนำ : โดยทั่วไปแล้ว ควรตั้งศูนย์ถ่วงล้อทุก 5,000 ถึง 6,000 ไมล์ (ประมาณ 8,000-10,000 กิโลเมตร) หรืออย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
  • หลังจากเปลี่ยนยางใหม่ : แม้ว่าการเปลี่ยนยางใหม่ไม่จำเป็นต้องตั้งศูนย์เสมอไป แต่ควรทำการถ่วงล้อเพื่อให้ล้อหมุนได้สมดุล
  • เมื่อขับรถบนถนนที่มีสภาพไม่ดี : หากคุณต้องขับรถบนถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อบ่อยๆ อาจต้องตั้งศูนย์ถ่วงล้อบ่อยขึ้น
  • เมื่อสังเกตเห็นอาการผิดปกติ : เช่น รถเอียง พวงมาลัยสั่น หรือยางสึกไม่เท่ากัน

รวม 7 สัญญาณช่วงล่างรถยนต์มีปัญหา

นอกจากการสังเกตอาการที่เกี่ยวข้องกับยางและการตั้งศูนย์แล้ว ยังมีสัญญาณอื่นๆ ที่บ่งบอกว่าช่วงล่างรถยนต์ของคุณอาจมีปัญหา ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของยางและระบบบังคับเลี้ยวด้วย โดย EZY FIT ได้รวม 7 สัญญาณช่วงล่างรถยนต์มีปัญหามาให้แล้ว ตามไปดูกันเลย

 

1. มีเสียงกึกๆ ใต้ท้องด้านหน้า ขณะออกรถ หรือหยุดรถ

เสียงกึกๆ ที่ดังมาจากใต้ท้องรถด้านหน้าเมื่อคุณออกรถหรือหยุดรถ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ลูกหมากคันชัก-คันส่ง หรือลูกหมากปลายแร็ค บางครั้งอาจเป็นปัญหาที่เพลาขับ โดยเฉพาะถ้ายางหุ้มเพลาขาดเป็นเวลานาน ควรนำรถเข้าตรวจสอบเพื่อป้องกันปัญหาลุกลาม

 

2. เบรกแล้วมีเสียง

หากคุณได้ยินเสียงดัง "เอี๊ยดๆ จื๊ดๆ" คล้ายเหล็กเสียดสีกันขณะเบรก นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าผ้าเบรกเหลือน้อยและควรเปลี่ยน แต่ถ้าเป็นเสียง "ครืดๆ" อาจเกิดจากผ้าเบรกและจานเบรกสกปรกจากฝุ่นผ้าเบรก หรือเปียกน้ำหลังจากขับผ่านน้ำ ซึ่งมักหายไปเองหลังขับไปสักพัก

 

3. มีเสียงดังเวลาเลี้ยวสุด

เสียงดังเวลาเลี้ยวพวงมาลัยสุด มักพบในรถกระบะ สาเหตุอาจมาจากบูชกันเลี้ยวสึก ทำให้เกิดการเสียดสีของชิ้นส่วนช่วงล่างเมื่อเลี้ยวสุด การเปลี่ยนบูชกันเลี้ยวไม่ใช่เรื่องยากและมีราคาไม่แพง ควรแก้ไขทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจลุกลาม

 

4. ขับขี่ในทางตรงแล้วพวงมาลัยมีอาการเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง

หากคุณขับรถในทางตรงแต่พวงมาลัยเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง นี่อาจเป็นสัญญาณว่าบูชปีกนกมีปัญหา หรือศูนย์ของรถอาจเปลี่ยนแปลงไป ควรนำรถเข้าตรวจสอบและปรับตั้งศูนย์ล้อใหม่ เพื่อให้การขับขี่มีความปลอดภัยและสบายมากขึ้น

 

5. ขับขี่บนถนนขรุขระแล้วรู้สึกว่ารถโคลงเคลง

เมื่อขับรถบนถนนที่ขรุขระแล้วรู้สึกว่ารถมีอาการโคลงเคลงหรือยวบยาบมากกว่าปกติ นี่อาจเป็นสัญญาณว่าโช้คอัพของรถเริ่มมีปัญหา โช้คอัพที่เสื่อมสภาพจะทำให้การควบคุมรถยากขึ้น โดยเฉพาะในสภาพถนนที่ไม่ดีหรือเมื่อต้องหยุดรถกะทันหัน ควรนำรถเข้าตรวจสอบและเปลี่ยนโช้คอัพหากจำเป็น

 

6. ขับขี่บนถนนขรุขระ แล้วมีเสียงดังกุกกัก

เสียงดังกุกกักเมื่อขับผ่านถนนขรุขระหรือเนินเล็กๆ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ลูกหมากปีกนกหรือยางรองเบ้าโช้ค ชิ้นส่วนเหล่านี้อาจเริ่มเสื่อมสภาพหรือหลวม ทำให้เกิดเสียงดังเมื่อรถกระแทกกับพื้นถนนที่ไม่เรียบ การแก้ไขปัญหานี้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจลุกลามไปยังชิ้นส่วนอื่นๆ ของระบบกันสะเทือน

 

7. ขับรถแล้วรู้สึกการหมุนเลี้ยวมีระยะมากกว่าปกติ

หากคุณรู้สึกว่าต้องหมุนพวงมาลัยมากขึ้นกว่าปกติเพื่อให้รถเลี้ยว หรือรู้สึกว่าล้อไม่ตรง ไม่สามารถควบคุมให้รถนิ่งได้ขณะขับในทางตรง นี่อาจเป็นสัญญาณว่าลูกหมากแร็คเริ่มหลวม ปัญหานี้ส่งผลโดยตรงต่อความแม่นยำในการบังคับเลี้ยว และอาจทำให้เกิดอันตรายได้หากไม่ได้รับการแก้ไข ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบและซ่อมแซมระบบบังคับเลี้ยวโดยเร็ว

เปลี่ยนยางรถยนต์นอกสถานที่ พร้อมตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่ ครบจบที่ EZY FIT

การสลับยางรถยนต์เป็นส่วนสำคัญของการบำรุงรักษารถ แม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องตั้งศูนย์ถ่วงล้อทุกครั้งที่สลับยาง แต่การสังเกตอาการผิดปกติและนำรถเข้าตรวจเช็กตามระยะเวลาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ การดูแลเอาใจใส่ช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวของรถอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับใครที่กำลังมองหายางรถยนต์คุณภาพดี แนะนำให้เลือกซื้อยางรถยนต์กับ EZY FIT ผู้จัดจำหน่ายยางรถยนต์คุณภาพจากแบรนด์ชั้นนำส่งตรงให้คุณในราคาที่ดีที่สุด มาพร้อมบริการเปลี่ยนยางรถยนต์ถึงหน้าบ้านแบบ ON-SITE SERVICE ฟรีค่าบริการ ตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ เติมลมไนโตรเจนครบโดยทีมช่างมืออาชีพมากประสบการณ์ รับรองว่าคุณจะได้ยางรถยนต์ที่ปลอดภัย และตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ! พร้อมบริการหลังการขายแบบครบครัน สนใจบริการติดต่อได้ที่ โทร. 090-956-5566