วิธีดูขนาดยางรถยนต์ รหัสตัวเลขบนยางคืออะไร


เคยสังเกตไหมว่า บนแก้มของยางรถยนต์ที่เราใช้งานอยู่ทุกๆ วัน จะมีการระบุ ตัวเลข และ ตัวอักษรอยู่ ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ก็มีความหมายซ่อนอยู่ ซึ่งจะเป็นตัวบอกสเปกของยางแต่ละรุ่นเอาไว้ เพื่อให้เราเลือกใช้งานได้อย่างถูกต้อง และปลอดภัย เรามีวิธีดูขนาดยางรถยนต์มาบอก ซึ่งเมื่อรู้ความหมายของตัวเลขทั้งหมดนั้น จะทำให้เข้าใจและเลือกยางได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับการใช้งานได้ 

 

 

รวมวิธีดูขนาดยางรถยนต์

 

เมื่อมีการใช้รถมาเป็นเวลานาน ดอกยางก็ต้องมีการสึกหรอเป็นธรรมดา เมื่อครบกำหนดแล้วก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางรถใหม่ หรือมีบางกรณีที่ต้องการเปลี่ยนยางรถเพราะต้องเดินทางไกล อาจต้องขึ้นเขา หรือเจอฝน หรือต้องการรับน้ำหนักที่มากขึ้น เลยต้องเลือกยางที่เหมาะกับการขับขี่มากขึ้น เพื่อความปลอดภัย แต่การจะเปลี่ยนยางนั้นต้องดูชุดรหัสบนยางเดิมด้วยว่า สามารถใช้งานกับรถของเราได้หรือไม่ ความหมายของแต่ละตัวเลขและตัวอักษรหมายความว่าอะไรบ้าง 

 

ตัวอย่างชุดตัวเลขบนแก้มยาง 215/50R17 100H

 

  • เลข 215 หมายถึง ขนาดความหนาของหน้ายาง หรือขนาดหน้ากว้างของยาง ซึ่งจะคิดเป็นหน่วยมิลลิเมตร ตามตัวอย่างก็จะหมายถึง ยางเส้นนี้มีหน้ากว้างขนาด 215 มิลลิเมตรนั่นเอง 
  • เลข  50 หมายถึง สัดส่วนของความสูง ของแก้มยางต่อความหนา ซึ่งจะมีการคำนวณความสูงของแก้มยางด้วยสูตร การนำความกว้างของหน้ายาง x (สัดส่วนของความสูง /100) = ความสูงของแก้มยาง หน่วยเป็นมิลลิเมตร (mm)  เมื่อคำนวณตามสูตรแล้วจะได้ออกมาดังนี้ 215 x (50/100) = 107.5 mm 
  • R17 หมายถึงตัวเลขที่บอกระยะเส้นผ่านศูนย์กลางของวงล้อ ซึ่ง R17  ก็หมายถึงยางสำหรับล้อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 17 นิ้ว
     

1.ตัวเลขชุดที่สอง 

ตัวอย่างชุดตัวเลขบนแก้มยาง 215/50R17 100H

  • ตัวเลข 100  หมายถึง รหัสที่ใช้บอกว่ายางเส้นนี้รับน้ำหนักได้เท่าไหร่ โดยจะมีดัชนีเปรียบเทียบการรับน้ำหนักให้ทราบ  ซึ่งในที่นี้เลข 100 จะหมายถึงยางเส้นนี้รับน้ำหนักสูงสุดต่อล้อได้ถึง  800 กก. 

 

ตัวอย่างตารางดัชนีรับน้ำหนัก Load Index

  • ตัวอักษร H หมายถึง ดัชนีความเร็ว ใช้บอกความเร็วสูงสุดที่ยางจะสามารถวิ่งได้โดยไม่เกิดอันตราย ซึ่งตัว H บนตัวอย่างจะแทนความเร็วสูงสุดที่ 210 กม./ชม. นั่นเอง  โดยจะมีการเลือกใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษแทนการระบุตัวเลขความเร็วดังนี้
    • L ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 120 กม./ชม. 
    • M ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 130 กม./ชม. 
    • N ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 140 กม./ชม. 
    • P ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 150 กม./ชม. 
    • Q ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 160 กม./ชม. 
    • R ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 170 กม./ชม
    • S ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 180 กม./ชม. 
    • T ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 190 กม./ชม. 
    • U ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 200 กม./ชม
    • H ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 210 กม./ชม. 
    • V ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 240 กม./ชม. 
    • Z ความเร็วสูงสุดมากกว่า 240 กม./ชม. 
    • W ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 270 กม./ชม
    • Y ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 300 กม./ชม

 

แม้ยางจะมีการระบุไว้ว่าสามารถวิ่งได้ที่ความเร็วสูงสุดที่ 300 กม./ชม. แต่ไม่ได้หมายความว่ารถเราจะสามารถขับได้เร็วขนาดนั้น เนื่องจากค่าความเร็วมาจากการทดสอบทางห้องปฏิบัติการภายใต้สภาวะควบคุมเฉพาะ เมื่อเจอกับการขับในสภาพแวดล้อมจริง อาจมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย จึงไม่สามารถทำความเร็วเท่าที่ยางสามารถรับได้ และมักจะเจอตัวอักษร Z W Y ในรถสมรรถภาพสูง รถ รถซุปเปอร์คาร์ หรือรถซีดาน รถสปอร์ต จะไม่ค่อยพบเห็นในยางธรรมดาทั่วไป

 

2.ตัวเลขชุดที่สาม

คือตัวเลขเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหน้าสุดของชุดตัวเลขรหัส จะหมายถึงสัปดาห์ และปีที่ผลิต และจะอ่านค่าโดยการแบ่งเป็นคู่ คู่หน้า คือสัปดาห์ คู่หลัง คือปีที่ผลิต

ตัวอย่างเลขยางคือ 3519 

 

  • 35 หมายถึง สัปดาห์ที่ผลิต โดยในหนึ่งปีมี 52 สัปดาห์ เลข 35 จึงหมายถึงผลิตในสัปดาห์ที่ 35 หรือประมาณช่วงเดือนกันยายน
  • 19 หมายถึงปีที่ผลิต ก็คือผลิตในปี ค.ศ. 2019 

 

ข้อดีของการรู้วิธีดูขนาดยางรถยนต์

 

 

การรู้วิธีดูขนาดยางรถยนต์จะทำให้เลือกยางได้ถูกต้อง จะมีประโยชน์มากในการต้องเปลี่ยนยางใหม่ ซึ่งควรเปรียบเทียบยางด้วยดัชนีการรับน้ำหนักของยางเก่า แต่หากไม่ใช่ยางที่ติดมาจากโรงงาน ก็สามารถดูขนาดยางได้จาก คู่มือรถ หรือตรงข้างประตูรถก็ได้เช่นกัน ก็จะทำให้เราสามารถเลือกยางและเทียบสเปกของยางใหม่ให้ใกล้เคียงกับยางเก่าได้ เพื่อช่วยให้สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ไม่เกิดปัญหาตามมาทีหลัง รวมถึงช่วยป้องกันการโดนหลอกหรือแอบอ้างใช้ยางผิดประเภทได้ เนื่องจากบางครั้งศูนย์บริการต่าง ๆ ก็อาจใส่ยางให้ผิดประเภท อาจเกิดปัญหาตามมาได้  
 

ยางรถยนต์เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ ควรเลือกให้เหมาะสมกับรถและการใช้งาน และควรตรวจสอบเปรียบเทียบชุดรหัสของยางให้ดี เมื่อรู้วิธีดูขนาดยางรถยนต์แล้วจะทำให้เปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น แม้จะเลือกยางรถที่เหมาะกับการใช้งานแล้ว ต้องไม่ลืมหมั่นดูแลรักษาตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์ของคุณด้วย เพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนานคุ้มค่า รวมทั้งควรเปลี่ยนยางรถเมื่อครบกำหนดอายุ เพื่อคงประสิทธิภาพในการขับรถได้เหมือนเดิม รวมถึงควรขับขี่รถด้วยความไม่ประมาทด้วย เพราะอาจสร้างความเสียหายตามมาได้ทั้งด้านร่างกาย และทรัพย์สิน

 

อีซี่ฟิต (EZY FIT) พร้อมให้บริการเปลี่ยนยางรถยนต์นอกสถานที่ เพื่อให้คุณรู้สึกสะดวกสบายมากที่สุด  ด้วยทีมช่างผู้มากประสบการณ์ด้านยางรถยนต์โดยเฉพาะ ด้วยเครื่องมือครบครัน ได้มาตรฐาน  ตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ พร้อมเติมลมไนโตรเจนแบบครบวงจรรายแรกของไทย ฟรีค่าบริการ (*ให้บริการเฉพาะกทม. ปริมณฑล ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง สงขลา ภูเก็ต) พร้อมมียางให้เลือกหลากหลายแบรนด์ชั้นนำที่ช่วยตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้อย่างดี ดูรายการยาง คลิก https://www.ezyfit.co.th/products/tire

 

สนใจใช้บริการหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่