การตรวจสอบและดูแลระบบเบรกของรถยนต์ให้ทำงานได้อย่างปกติ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณขับขี่รถยนต์ได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งในบทความนี้ EZY FIT ศูนย์บริการดูแลรถยนต์ถึงบ้าน จะพาไปทำความรู้จักกับผ้าเบรก อะไหล่สำคัญของระบบเบรกรถยนต์ พร้อมแนะนำเวลาที่ควรเปลี่ยนผ้าเบรก เพื่อการขับขี่รถยนต์อย่างปลอดภัย
ผ้าเบรก คือ อะไหล่ที่อยู่ระหว่างคันขาเบรกกับดำเบรก ทำหน้าที่กดทับจานเบรกเพื่อสร้างแรงเสียดทานให้ล้อหยุดหมุน เมื่อเราใช้งานรถไปนาน ๆ มีการเหยียบเบรกเป็นประจำ ผ้าเบรกที่คอยกดทับจานเบรกก็จะเสื่อมสภาพไปตามระยะเวลาการใช้งาน
การที่ผ้าเบรกเสื่อมสภาพ บางลง หรือหมดอายุการใช้งาน ก็จะส่งผลให้อะไหล่ส่วนอื่น ๆ ของระบบเบรกอย่างจานเบรก หรือเบรกคาลิปเปอร์ มีอายุการใช้งานน้อยลง และทำงานแย่ลงตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการเบรกของรถยนต์ และทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
ด้วยเหตุนี้การเปลี่ยนผ้าเบรกในระยะเวลาที่กำหนดจึงเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ต้องให้ความสำคัญ เพราะจะช่วยให้ระบบเบรกทำงานได้ปกติ และยืดอายุการใช้งานอะไหล่ส่วนอื่น ๆ ของระบบเบรกได้นั่นเอง
ปกติแล้ว ผู้ขับขี่รถยนต์ควรเปลี่ยนผ้าเบรคทุก ๆ 25,000 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาอาจมีความแตกต่างกันไปตามชนิดของผ้าเบรกที่ใช้งาน ลักษณะรถยนต์ และการใช้งานของผู้ขับขี่
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากผู้ขับขี่ใช้รถที่บรรทุกของหนัก ๆ ขับรถด้วยความเร็วสูง หรือขับขี่ในเขตเมืองที่สภาพจราจรหนาแน่น จำเป็นต้องเหยียบเบรกบ่อย ๆ ก็อาจทำให้ผ้าเบรกมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าปกติ
เพื่อความมั่นใจ ผู้ขับขี่รถยนต์ควรที่จะนำรถยนต์ไปตรวจสภาพตามระยะเวลาที่กำหนด หรืออย่างน้อยปีละ 1 - 2 ครั้ง และให้ช่างผู้ชำนาญการตรวจสอบผ้าเบรกให้จะดีที่สุด
สำหรับใครที่ยังไม่มีเวลานำรถยนต์เข้าไปตรวจสภาพ เรามี 5 สัญญาณที่อาจบ่งบอกว่า ผ้าเบรกเสื่อม ผ้าเบรกบาง หรือผ้าเบรกหมดอายุมาฝาก เพื่อที่คุณจะได้สังเกตเวลาเปลี่ยนผ้าเบรกเบื้องต้นด้วยตนเองได้ ดังนี้
การเกิดเสียงขณะเหยียบเบรกอาจเกิดขึ้นได้ในเมื่อรถยนต์เผชิญกับความชื้น เช่น การขับรถหลังจากที่ฝนหยุดตก หรือเกิดจากคราบฝุ่นบนผ้าเบรก แต่ส่วนใหญ่แล้วจะหายได้เองเมื่อเหยียบเบรก 2 - 3 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม หากเกิดเสียงทุกครั้งที่เบรก หรือได้ยินบ่อย ๆ นั่นเป็นสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าผ้าเบรกเริ่มเสื่อมสภาพ และควรนำรถเข้าไปที่ศูนย์บริการรถยนต์เพื่อตรวจสภาพเบรกได้แล้ว
ผู้ขับขี่รถยนต์สามารถตรวจสอบผ้าเบรกเสื่อมสภาพ หรือหมดอายุได้ด้วยตนเอง โดยการตรวจสอบความหนาของผ้าเบรก หากผ้าเบรกมีความหนาน้อยกว่า 4 มิลลิเมตร และก้านเบรกมีผ้าเบรกน้อยกว่า 1 มิลลิเมตร นั่นแสดงว่า ผ้าเบรกหมดแล้ว และจะต้องนำรถยนต์ไปเปลี่ยนผ้าเบรก
เมื่อผ้าเบรกเสื่อมสภาพลง จะทำให้จานเบรกและเบรกคาลิปเปอร์เสียดสีกันขณะที่เบรกรถ จนทำให้เกิดเสียงเสียดสีกันของโลหะ หากได้ยินเสียงดังกล่าว ควรรีบนำรถยนต์ไปตรวจสภาพเบรก ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะการที่จานเบรกและคาลิปเปอร์เสียดสีกัน จะทำให้เสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว และเกิดความเสียหายต่อระบบเบรกได้
ผ้าเบรกที่เสื่อมสภาพแล้วจะมีเกิดการไหม้ได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งมักเกิดขึ้นในขณะที่ขับรถขึ้นลงเนินภูเขา เพราะต้องเหยียบเบรกบ่อย ๆ หรือไม่ได้ใช้เกียร์ต่ำเวลาขับรถลงเขา
เมื่อผ้าเบรกเสื่อมสภาพลง จะทำหน้าที่กดทับจานเบรกได้ไม่มีประสิทธิภาพ และทำให้เกิดการสั่นขณะที่เหยียบเบรก ซึ่งจะส่งผลมาถึงพวงมาลัยเลย หากผู้ขับขี่รู้สึกว่าพวงมาลัยสั่นเมื่อเหยียบเบรก ก็ควรที่จะนำรถยนต์ไปตรวจสภาพเบรกตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะนั่นอาจเป็นหนึ่งในสัญญาณของผ้าเบรกเสื่อมสภาพก็ได้
นอกจากผ้าเบรกที่เสื่อมสภาพแล้ว อะไหล่อื่น ๆ ของระบบเบรกอย่างจานเบรก หรือเบรกคาลิปเปอร์ ก็สามารถเสื่อมสภาพได้ด้วยเช่นกัน เมื่อนำรถยนต์ไปเปลี่ยนผ้าเบรกก็ควรที่จะให้ช่างตรวจสอบอะไหล่อื่น ๆ ของระบบเบรกด้วย ถ้าหากช่างตรวจพบว่าจานเบรกมีรอย คด แตกร้าว หรือเป็นสนิม ก็ได้จะทำการเจียรเบรกให้ด้วยเลย
การดูแลรักษาผ้าเบรกให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความปลอดภัยในการขับขี่และการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว มีหลายปัจจัยที่สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของผ้าเบรกได้ ดังนี้
จะเห็นได้ว่า การเปลี่ยนผ้าเบรกรถยนต์ตามระยะเวลาที่กำหนดเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับขี่รถยนต์ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้ สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะตรวจสภาพเบรกที่ไหนดี สามารถใช้บริการที่ EZY FIT ได้ เรามีผ้าเบรกคุณภาพจัดจำหน่าย พร้อมดูแลการเปลี่ยนผ้าเบรก และตรวจเช็กระบบเบรกและระบบช่วงล่างโดยรวม ทั้งความหนาเบรก จานเบรก ดิส/ดรัม สายอ่อนเบรก ยางหุ้มเพลานอก/ใน ลูกหมากแร็คตัวนอก ลูกหมากแร็คตัวใน ปีกนก และโช้คอัพ โดยช่างผู้ชำนาญการ พร้อมให้บริการถึงบ้านคุณ หากสนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 090-956-5566